ประวัติของเจ้าบ้าน
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ให้เห็นว่า ดินแดนแห่งบ้านทัพคล้ายแห่งนี้ เคยเป็นที่ตั้งของกองทัพเมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเมื่อครั้งกระนั้นได้ยกทัพมาต่อต้านพม่าประมาณปี พ.ศ. ๒๓๒๙ หรือเมื่อประมาณ ๒๑๗ ปีที่แล้ว ครั้นเสร็จสิ้นสงครามทางกองทัพได้แต่งตั้งให้นายทหารและนิมนต์พระรูปหนึ่ง (ปัจจุบันคือหลวงปู่ยอด) เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้นำกองอาสาสมัครอยู่สอดแนมข้าศึก นายทหารผู้นี้ทำหน้าที่เป็นทั้งทหารและผู้ปกครองกองอาสาสมัครซึ่งผู้ที่อาสาสมัครเป็นกองสอดแนมในครั้งกระนั้นก็คือบรรพบุรุษของชาวทัพคล้ายในปัจจุบันนี้เอง เมื่อเสียชีวิตลงทุกคนต่างพร้อมใจกันสร้างหอ (คำว่า “หอ”หรือ “ศาล” หมายถึงบ้านหรือที่พักอาศัย) ขึ้น แล้วเชิญท่านมาสถิตย์อยู่ที่หอแห่งนี้ เพื่อเป็นหลักและปกป้องคุ้มครองทุกคนให้อยู่ดีมีสุข มิให้ภยันตรายใดๆมากล่ำกลาย นอกจากนี้ท่านยังเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของทุกคนให้รักใคร่กลมเกลียวสมัครสมานสามัคคีและช่วยเหลือเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ด้วยเดชะเมตตาบารมีของท่านจึงได้ยกท่านให้เป็นเจ้าบ้านหรือเจ้าที่แห่งบ้านทัพคล้ายตั้งแต่บัดนั้นจวบจนถึงบัดนี้ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นเวลาถึง ๒๑๗ ปีแล้ว (เจ้าบ้านหรือเจ้าที่หมายถึงผู้นำหรือผู้ปกครองหรือผู้เป็นใหญ่แห่งหมู่บ้าน)
ความเป็นมาของการสร้างรูปเจ้าบ้าน
เนื่องจากเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ทางวัดทัพคล้ายได้จัดสร้างรูปเหมือนหลวงปู่ยอดขึ้นและนำไปประดิษฐานไว้ที่ศาลาหลวงปู่ยอดที่สร้างไว้แล้ว ต่อมาเมื่อ วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ฝ่าย”จ่ำ” และ “จ่า” พร้อมทั้งผู้ที่เป็นผู้นำหมู่บ้านฝั่งหมู่ ๖ ได้ประชุมปรึกษากันถึงการสร้างรูปเหมือนของเจ้าบ้านเพื่อให้เป็นปูชนียบุคคลอันเป็นที่เคารพนับถือของลูกหลานในวันข้างหน้า และจะได้ระลึกถึงคุณงามความดีของท่านเมื่อครั้งอดีตกาล ดังนั้นฝ่ายจ่ำและจ่าจึงได้อธิษฐานเสี่ยงทายด้วยการ “ จับข้าวสาร ” หากมีความประสงค์จะให้ลูกหลานได้สร้างรูปเหมือนเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนตัวท่าน ก็ขอให้จับข้าวสารได้จำนวนคี่ก็ขอให้ได้จำนวนคี่ทุกครั้ง ถ้าจับครั้งแรกได้จำนวนคู่ก็ขอให้ได้จำนวนคู่ทุกครั้ง ผลของการเสี่ยงทายปรากฏว่าจับข้าวสารได้ อันแสดงให้เห็นว่าท่านอนุญาตให้สร้างรูปเหมือนของท่านเพื่อนำไปตั้งไว้ที่ศาลเจ้าบ้านให้ลูกให้หลานและผู้ที่เคารพนับถือได้เคารพนับถือสืบไป
การดำเนินงาน
๑. เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๖ จ่ำและจ่าได้เรียกประชุมแกนนำของหมู่บ้านทัพคล้าย หมู่ ๖ ขึ้น โดยมี ครูสิงห์ กสิกรณ์ เป็นตัวแทนของฝั่งหมู่ ๒ เข้าร่วมประชุมด้วย ในที่ประชุมได้ตกลงกันว่า ให้สร้างรูปเหมือนเจ้าบ้านขึ้นเป็น ๒ ที่ ทั้งนี้เพราะทั้งหมู่ ๒ และหมู่ ๖ ต่างก็เป็นพี่เป็นน้องกัน การแยกหมู่บ้านออกเป็นกี่หมู่ก็ตามมิใช่จะทำให้แยกพี่แยกน้องกันแต่อย่างใดทุกคนก็ยังเป็นโคตรตระกูลเดียวกันอยู่นั่นเอง ดังนั้นการใดที่เป็นกิจสาธารณะก็ย่อมจะต้องกระทำด้วยกันทุกหมู่ทุกเหล่าไปในทางเดียวกันเพราะธรรมเนียมการปิดบ้านเลี้ยงบ้านของชาวทัพคล้ายก็ดำเนินมาพร้อมกันเป็นประจำทุก ๆ ปี ตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษจวบจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุด้วยผลเช่นนี้ที่ประชุมจึงได้ตกลงให้สร้างรูปเหมือนเจ้าบ้านขึ้น ๒ ที่ดังกล่าว
๒. ที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้ กิตติพงษ์ จันทร ประสานกับท่านพระครู (เจ้าอาวาสวัดทัพคล้าย) เพื่อติดต่อกับช่างเพื่อดำเนินการในการปั้นต่อไป และให้ครูสิงห์ ฯ ประสานฝั่งหมู่ ๒ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องสร้างรูปเหมือนเจ้าบ้านขึ้นและประสานความร่วมมือในด้านค่าจ้างช่างและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในส่วนที่ฝั่งหมู่ ๒ จะต้องรับผิดชอบ
๓. แนวทางในการดำเนินงานหลังปั้นเสร็จ ที่ประชุมก็ตกลงกันว่าการปั้นนั้นจะปั้นที่ใดก็ได้ตามแต่ช่างจะสะดวก เมื่อปั้นเสร็จ ก่อนถึงวันเลี้ยงบ้านประจำปี ๑ วัน จะต้องเคลื่อนย้ายรูปเหมือนไปยังศาลเจ้าบ้านฝั่งหมู่ ๒ ก่อนเพื่อทำพิธีมอบรูปปั้นให้กับเจ้าบ้านด้วยวิธีจับข้าวสารเสี่ยงทายตามธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติมาตั้งแต่ครั้งโบราณต่อจากนั้นก็เคลื่อนย้ายรูปเหมือนมาตั้งไว้ที่ศาลเจ้าบ้านฝั่งหมู่ ๖ หรือหมู่อื่น ๆ ตามลำดับ
งบประมาณ
๑. ค่าจ้างช่างในการปั้นคิดรูปละ ๔,๐๐๐ บาท
๒. งบประมาณที่จะได้รับ
๒.๑ เก็บรายหลังคา ๆ ละไม่น้อยกว่า ๕๐ บาท
๒.๒ รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา บริจาคได้ที่ ตาจ่ำ, ตาจ่า หรือ หัวหน้ากลุ่ม ทุกกลุ่ม
หมายเหตุ
๑. แต่ละหมู่บ้านจะได้เรียกประชุมเพื่อชี้แจงรายละเอียดให้ทุกคนได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
๒. สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวทัพคล้ายนอกจากภาษาแล้วไม่ว่าจะแยกหมู่บ้านออกเป็นกี่หมู่ก็ตามแต่ละหมู่บ้านต่างก็มีเจ้าบ้านคนเดียวกัน
๓. หอ หรือศาล ที่ตั้งขึ้นเป็นแต่เพียงที่ทำการของเจ้าบ้านที่จะมานั่งว่าราชการหรือเพื่อมาประทับโปรดลูกโปรดหลานให้เกิดความสะดวกสบายไม่ต้องเดินทางไกลเท่านั้นเอง
๔. การยกพานหวานที่ศาลเจ้าบ้านในวันเลี้ยงบ้านจะต้องให้ฝั่งหมู่ ๒ ยกเป็นลำดับแรก หมู่ ๖ เป็นลำดับที่ ๒ และหมู่ ๙ ลำดับถัดไป มิให้ตรงกันชี้ให้เห็นเป็นข้อสังเกตได้ว่าเจ้าบ้านมีคนเดียว ดังนั้นเมื่อท่านประทับที่ศาล ฝั่งหมู่ ๒ แล้วท่านก็จะเดินทางมาฝั่งหมู่ ๖ ตามลำดับ และชี้ให้เห็นอีกประการหนึ่งว่าท่านไม่ได้ใช้ตัวแทนแต่อย่างใด จึงไม่ให้ยกพานหวานพร้อมกัน ฉะนั้นแล
.