ลุงก่าน เพ็งอุ่น(ลุงเปาะ) เล่าตามคำบอกเล่าของแม่ท่านและตามคำที่ปู่ย่าตาทวดที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่า เมื่อครั้งที่อยู่บ้านเก่าที่วัดจะมีศาลา “หลวงตายอด” ตั้งอยู่ที่วัดเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านทุกคน หลวงตายอดเป็นพระชาวเขมรที่เข้าไปอยู่ที่เวียงจันทร์ ซึ่งท่านมีคาถาอาคมที่เก่งกล้า ครั้นเวียงจันทร์บ้านแตกสาแหลกขาดและทหารไทยได้กวาดต้อนเอาชาวลาวมาเป็นเชลย ท่านจึงถูกนิมนต์ให้เดินทางมาด้วย เพื่อปกป้องคุ้มครองระหว่างที่เดินทาง
ต่อมา ชาวลาวได้ถูกเกณฑ์เป็นทหารแนวหน้าและลูกหาบเพื่อต่อต้านทัพพม่า ณ ดินแดนอันเป็นที่ตั้งบ้านทัพคล้ายแห่งนี้ท่านจึงถูกนิมนต์ให้เดินทางอีกครั้งเพราะการเดินทางในสมัยก่อนจะต้องผ่านป่าผ่านเขา ผ่านดินแดนที่มีผีป่าผีเขาสัตว์ดุร้ายมากมาย อีกทั้งไข้ป่าสารพัดและไม่รู้ว่าจะเจออุปสรรคอะไรบ้าง เพื่อให้ท่านทำน้ำมนต์ประพรมให้เป็นสิริมงคลและมีความปลอดภัยในการเดินทาง รวมทั้งเพื่อให้ท่านสวดมนต์ภาวนาขับไล่ผีร้าย ภยันตรายต่าง ๆ ไม่ให้มากล้ำกลายและดูทิศ ดูทาง ดูฤกษ์ ดูยามในการค้างแรมและเดินทางในแต่ละวัน
นายบุญทา จันทสี, นายพา ทองสีและนายทองดำ จันทร(อดีตเจ้าอาวาสวัดทัพคล้าย) ได้เล่าให้ฟังตามที่ได้ฟังมาอีกต่อหนึ่งก็สรุปได้ความว่า การมาต่อต้านทัพพม่าที่บ้านเก่ามีพระมาด้วยองค์หนึ่งท่านชื่อ “ยอด” แต่รุ่นปู่ย่าตาทวดที่เล่าให้ฟังท่านก็บอกว่าไม่เคยเห็นเช่นกัน แต่ที่ปรากฏหลักฐานก็คือจะมีศาลาปลูกไว้ที่วัดใกล้กับเจดีย์ ซึ่งเรียกกันจนติดปากว่า “ศาลาหลวงตายอด” เมื่อย้ายวัดมาอยู่ที่แห่งใหม่ก็ได้ย้ายศาลาหลวงตายอดมาด้วยเพราะถือท่านว่า “ท่านคือเจ้าวัดของวัดทัพคล้ายนั่นเอง”
ส่วนนางกลม (แม่ของพ่อทิดลอน) ได้เล่าประวัติให้นายทา จันทสี ฟังว่าหลวงปู่ยอดเป็นพระเขมรมาเป็นสมภารที่วัดทัพคล้าย (เป็นวัดเก่าอยู่ทางทิศใต้ของวัดปัจจุบัน) สมัยนั้นมีสินน้ำ (สายน้ำ) สำหรับลงโบสถ์ท่านเป็นพระผู้เฒ่าชอบการละเล่นแข่งกลองเป็นต้น และในขณะนั้นมีเด็กที่ชอบเล่นน้ำอยู่เป็นประจำและก็มาเล่นใกล้วัดเป็นประจำทุกวัน หลวงปู่ยอดได้ดุด่าว่ากล่าวเสมอก็ไม่ฟัง ท่านเลยได้พูดว่า กูตายไปจะมาทัก มาทอ (ภาษาถิ่น) พวกนี้ให้สมใจ เมื่อมรณะภาพแล้ว ก็ได้อาศัยอยู่ในวัดมาโดยตลอด เรียกว่าเป็นเจ้าวัด ปัจจุบันใช้ผ้าไตรแก้บน และสำหรับคาวหวาน
ท่านชอบการกีฬามาก เช่นการแข่งขันตีกลอง กีฬาของเด็ก ถ้าเด็กไปแข่งขันกีฬาที่ไหนก็มักจะไปด้วยโดยการบอกกล่าวให้ทราบก่อน และมักได้รับชัยชนะโดยมาก นี้เป็นความเชื้อที่เกิดขึ้น
ท่านอยู่กับวัดทัพคล้ายมาไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ปี ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ชอบอยู่ในที่สงบย้ายที่อยู่อาศัยไปในที่ต่าง ๆของวัดอยู่เสมอ ปัจจุบันได้สร้างที่อาศัยให้อยู่ทางทิศตะวันออกของวัด (พ.ศ. ๒๕๔๐) เพื่อเป็นที่สักการะของผู้ที่เคารพนับถือต่อไป
ปัจจุบันลูกหลานต่างพร้อมกันเรียกท่านว่า “หลวงปู่ยอด” สำหรับเจดีย์ที่วัดเก่าเป็นแบบเจดีย์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งปรากฏให้เห็นมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๗ ปัจจุบันได้ปรักหักพังไปตามกาลเวลา คงเหลือไว้แต่อิฐที่ใช้ในการก่อสร้างบางส่วนเท่านั้น
หมายเหตุ ตรวจสอบจากประวัติศาสตร์ของไทยและของลาวแล้ว ต่างเขียนไว้ตรงกัน คือ ปีที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทร์ ได้แก่ปี พ.ศ. ๒๓๒๑ ส่วนปีที่เดินทางมาต่อต้านทัพพม่า ณ ที่บ้านทัพคล้ายแห่งนี้ ตามประวัติศาสตร์ชาติไทยระบุไว้คือ ปี พ.ศ. ๒๓๒๘ เมื่อครั้งสงครามเก้าทัพ
ประวัติหลวงปู่ยอดที่น่าสนใจ
๑. ท่านเมตตาต่อเด็กที่เกิดใหม่ ถ้ามีเด็กที่เกิดใหม่ในหมู่บ้านท่านจะไปดูและทักทายแสดงความเมตตา ทำให้เด็กตื่นตกใจร้องไห้ พ่อแม่หรือญาติต้องจุดธูปบอกกล่าว เด็กจึงหยุดร้องไห้
๒. ท่านเมตตาต่อเด็ก เมื่อนักเรียนจะเดินทางไปแข่งขันกีฬาที่ใดก็มักจะไปจุดธูปบอกกล่าวกราบไหว้ให้แข่งขันชนะและปลอดภัย มักจะได้ตามที่ขอเสมอ การแข่งขันกีฬาเสร็จแล้วนักเรียนก็จะนำถ้วยมารำถวาย
๓. ท่านชอบความบันเทิง เมื่อจุดธูปเทียนบอกกล่าวแล้วเชิญไปด้วยในการแข่งขันกีฬาตีกลอง สมัยโบราณแข่งขันตีกลองแต่ละหมู่บ้าน บ้านทัพคล้ายได้รับชัยชนะเพราะตีเสียงดังกว่าหมู่บ้านอื่น
๔. ท่านไม่ชอบการแสดงความไม่เคารพนับถือ เช่น การลบหลู่ดูหมิ่น เป็นต้น เมื่อสมัย ๓๐ หรือ ๔๐ ปีที่ผ่านมา ถ้าผู้ใดลบหลู่ท่านด้วย ปาก้อนดินก้อนหิน ยิงหนังสติ๊กข้ามศาลาของท่าน จะมีอาการปวดท้องทันทีทันใดไม่หายจนกว่าจะจุดธูปเทียนบอกกล่าวขอขมาแล้วจึงจะหาย ส่วนมากจะเป็นเด็กเพราะยังไม่ทราบเรื่องของท่านจึงไม่ค่อยเคารพนับถือ ปัจจุบันได้ย้ายศาลาของท่านไปอยู่ในที่สงบเหมาะสมห่างจากสิ่งรบกวนต่าง ๆ และได้เนินการก่อสร้างมณฑปเป็นที่อยู่ใหม่แต่ยังไม่แล้วเสร็จ
๕. คาถาอาคม เมื่อครั้งถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทร์ (พ.ศ. ๒๓๒๑) และเดินทางมาต่อต้านทัพพม่า ณ ที่บ้านทัพคล้ายแห่นี้ ผู้ที่เดินทางมา ๆ ย่อยมีภัยต่าง ๆ เช่น ภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ ภายจากภูตผีปีศาจ เป็นต้น ต้องอาศัยพระสงฆ์เป็นหลักเป็นกำลังใจ ต้องอาศัยผู้ที่มีวิชาอาคมป้องกันภัยให้ พระจึงเป็นที่พึ่งได้ดีที่สุด ทั้งเป็นหมอยาและรักษาใจ คือ ใช้คาถาอาคมที่เล่าเรียนมาช่วยให้กำลังใจ ดังเช่นชาวบ้านบางระจัน ก็มีพระให้กำลังใจในเมื่อรบกับพม่า หลวงปู่ยอดก็เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่มีวิชาอาคมในสมัยนั้น (๒๐๐ กว่าปีมาแล้ว)
ผู้ที่จะเข้าวัดเป็นนาคเพื่อบรรพชาอุปสมบทต้องจุดธูปเทียนบอกกล่าวทุกคนเพราะถือว่าเป็น “เจ้าวัด” เหมือนเจ้าอาวาสและต้องบอกกล่าวก่อนเมื่อมีการแสดงการละเล่นมหรสพ เครื่องไฟขยายเสียง ถ้าไม่บอกกล่าวก่อนจะดำเนินการไปได้ไม่ดีจนหาสาเหตุไม่เจอ
ครั้งสุดท้ายวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔ มีขโมยมาลักรูปหล่อลอยองค์ของหลวงปู่ยอดที่โบสถไปในเวลากลางคืน และจับได้ในวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔เวลา ๘.๓๐ น. ที่วัดถ้ำพระธาตุเมืองเทพเพราะไปขโมยเงินที่วัดถ้ำพระธาตุเมืองเทพอีก ปัจจุบันขโมยที่กล่าวมานี้ได้ถูกคุมขังอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านไร่ แสดงว่าหลวงปู่ยอดไม่ยินดีและทำให้วัดได้รับของกลับคืนเพื่อเป็นที่เคารพสักการะต่อไป ปี ๒๕๕๔ ได้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นแรก ชื่อว่า “รุ่นจากร้ายกลับกลายเป็นดี”
.